skip to main
|
skip to sidebar
APIRADEE
วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2550
ตัวอย่างภาพกราฟิก
กราฟแท่ง เป็นชนิดที่ดูง่ายกว่ากราฟเส้น มักจะแสดงข้อมูลให้เห็นเป็นช่วงๆ เช่น กราฟแท่งแสดงการเพิ่มขอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
บทความใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ความรู้ดีๆที่ไม่ควรพลาด
ความรู้และเทคนิคการเรียนการสอนเกี่ยวกับสือที่คุณสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง
myself
น.ส.อภิรดี พรมแสงใส (Am)
สวัสดีคะ ชื่อนางสาว อภิรดี พรมแสงใส (แอ๋ม) มัธยมศึกษาตอนต้นที่ โรงเรียนสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร มัธยมศึกษาตอนปลายที่ โรงเรียนเตรียมอุดม ศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดสกลนคร ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี ปี 4 คณะครุศาษตร์ เอกอังกฤษคะ
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน
English Education
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่บล็อก APIRADEE คะ เป็นบล็อกที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสื่อการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดีคะ มีบล็อกนี้ขึ้นมาได้เนื่องจาก เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนวิชานวัตกรรม ต้องขอขอบคุณท่าน ผศ.วิวรรธน์ จันทร์เทพย์ อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ที่แนะนำให้ทำบล็อกดีๆและมีประโยชน์แบบนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดและเผยแพร่ประสบการณ์อันมีค่า อย่าลืมแวะเข้ามาชมและแลกเปลี่ยนความรู้กันเยอะๆนะคะ
...คุณค่าของการหยุด....
... คุณค่าของการหยุด ...
ชายผู้หนึ่งไม่พอใจกับการเห็นเงาของตัวเอง รวมทั้งไม่พอใจรอยเท้าของตัวเองอีกด้วยและเขาต้องการที่จะกำจัดทั้งสองสิ่งนี้ให้ได้โดยเลือกที่จะวิ่งหนีให้เร็วที่สุด เมื่อคิดได้เขาจึงลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกไปแต่ไม่ว่าจะวิ่งเร็วอย่างไร ...พอเขาก้าวเท้าลงก็จะเกิดเงาและรอยเท้าขึ้นทุกครั้งเขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเขายังวิ่งเร็วไม่พอจึงวิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้นและเร็วขึ้นอีกโดยไม่หยุดพักจนในที่สุดเขาก็ขาดใจตายและไม่รู้เลยว่า ...หากเขาเพียงแต่ก้าวเข้าไปในที่ร่มเงาของเขาก็จะหายไปหากเขานั่งพักนิ่งๆ ก็จะไม่เกิดรอยเท้าใหม่ขึ้นอีก ...... ขงจื้อ
...โดย: วา (
ส้มแกง
) วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:6:32:26 น.
ข้อคิดดีๆรักษาจิตใจ
...........เราทุกวันนี้แม้อยู่กันเต็มบ้าน แต่บ้างบ้านดูจะห่างไกลการพูดคุย และสัมพันธภาพกันเสียเหลือเกิน ดังนั้นเราจึงมีเนื้อความดีๆ ที่เพื่อนๆ ส่งมาให้ทางอีเมล์มาแนะนำการรักษาจิตใจ ให้มีสุขภาพดู ไม่เป็นจิตใจที่อ่อนแอ หรืออคติ คิดเจ้าแค้น พยาบาทให้บั่นทอนความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ซึ่งเป็นข้อเขียนของนงนุช มีสวน นั่นคือ 1. คนเรามีความรู้สึกรัก ชอบ โกรธ เศร้า ไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเวลาไหนมันจะแสดงออกมามากน้อยเพียงใดเท่านั้น " คนที่จะหัวเราะได้เสียงดัง ข้างในคงต้องขำบ้างพอสมควร คนที่น้ำตาจะไหลได้ ข้างในคงมีเรื่องปวดร้าว....ถ้าไม่นับการร้องไห้ที่มาจากความปิติ " 2. โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง...แต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน 3. คนที่ตลกหัวเราะสดใส ก็คือคนเดียวกับคนที่สามารถร้องไห้ฟูมฟายได้ เพียงแต่คุณจะได้เห็นหรือเปล่าเท่านั้น อาจจะเคยได้ยินว่า " คนที่หัวเราะได้ดังที่สุด ก็คือคนที่สามารถร้องไห้ได้ดังที่สุดเช่นกัน" 4. เด็กๆ จะมองว่าผู้ใหญ่ซีเรียส ในขณะที่ผู้ใหญ่จะบอกว่า เด็กไร้สาระ เพราะเด็กไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อน วันหนึ่งเค้าคงจะรู้ว่า ทำไมถึงต้องมีเรื่องซีเรียส สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งได้ผ่านวัยเด็กมาแล้วอาจจะลืมไปว่า ณ วันที่ผ่านมา" สาระ"ในชีวิตของเ-า คืออะไร 5. ครอบครัวไทยมักจะเลี้ยงลูกผู้หญิงให้เป็นฝ่ายถูกเลือก คอยสั่งสอนให้ทำตัวเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเลือกไปเป็นคู่ครอง.... แต่ความจริงแล้วผู้ชายและผู้หญิง เราต่างเลือกซึ่งกันและกันมากกว่า 6. เพื่อนที่ดีที่สุด คือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันซักคำ แต่สามารถเดินจากไป ด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด 7. ใครหลายคนไม่กล้าเข้าไปปลอบโยนให้คำปรึกษากับเพื่อนเพราะคิดว่าเราไม่รู้จะบอกเคายังไง เพราะเราเป็นแค่เพื่อน....แต่ความจริงแล้วคุณเป็นตั้งเพื่อนต่างหาก 8. ผู้ชายที่ร้องไห้ และยอมรับว่าตัวเองร้องไห้เขาคือสุภาพบุรุษที่สุด อย่างน้อยการซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง... คือความกล้าหาญสุดยอด 9. ก่อนที่วันนี้ คุณจะทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ อย่าลืมสำรวจตัวเองก่อนว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา... ทำใครหล่นหายไปจากชีวิตหรือเปล่า 10. เงินไม่ใช่พระเจ้า แต่ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้น 11. มีสติ สตางค์อยู่ ก็ปลีกเวลาไปใช้เสียบ้าง อีกหน่อยไม่มีสติแต่มีสตางค์...ก็สายไปเสียแล้ว 12. เวลาที่เรารักใคร เราจะรู้สึกตัวเล็กเ หลือเกิน...เวลาใครรักเรา เราจะรู้สึกตัวใหญ่เหลือเกิน...แต่ถ้าเราเจอคนที่เรารักเขาและเขาก็รักเรา เราจะผลัดกันตัวเล็กตัวใหญ่ 13. วันที่คุณเข้มแข็งและแข็งแรงพอ อย่าลืมเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคนที่มีปัญหาด้วย "เอาไหล่ให้เขาพิง เอามือให้เขาจับ".....100 คำพูดดี ดี ไม่เท่ากับ 1 สัมผัสที่มีค่าหรอกนะ 14. คุณรู้ไหมว่า อายุคนเราเฉลี่ย 76 ปีนั่นคือแค่ 3,952 อาทิตย์เท่านั้นคุณหมดเวลาไปกับการนอนถึง 1317 อาทิตย์ ซึ่งเท่ากับว่าคุณเหลือเวลาที่ใช้ดำเนินชีวิตแค่ 2,635 อาทิตย์เท่านั้นเอง 15. ลองฉลองวันเกิดกับครอบครัวสักปี แล้วคุณจะได้รู้ว่า เมื่อตอนที่คุณร้องไห้จ้าในวันเกิดวันแรก คนในครอบครัวคุณมีความสุขกันขนาดไหน....... อ่านครบ 15 ข้อแล้วลองทำดูนะ ให้ชีวิตอยู่อย่างรื่นๆ ชื่นฤทัย สบายใจกันดีที่สุด
http://www.mahamodo.com/modo/budhadham1.asp
1.5 การวัดและการประเมินผลการเรียนการสอน
การวัดและการประเมินผลการเรียนการสอน
การวัดผลของสื่อและวิธีการ หลังจากที่เราออกแบบสื่อแล้วแล้วนำมาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน ก็ควรมีการวัดผลของสื่อ เป็นการวัดประสิทธิภาพของสื่อ ความคุ้มค่าของสื่อต่อผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ วัดเพื่อปรับปรุงสื่อวัดผลถึงระยะเวลาที่ในการนำเสนอสื่อว่าพอเหมาะหรือมากเกินความจำเป็น การวัดผลสื่อนี้เพื่อผลในการใช้ดัดแปลงปรับปรุงให้ดีขึ้นสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต เราสามารถที่จะนำเอาผลการอภิปรายในชั้นเรียน การสัมภาษณ์ และการสังเกตผู้เรียนมาใช้เป็นแนวทางในการวัดผลสื่อได้ เครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผลสื่อการเรียนการสอนมีหลายรูปแบบ ผู้กระทำการวัดและประเมินผลอาจเลือกใช้ตามความเหมาะสม ที่นิยมกันมากได้แก่ แบบทดสอบ แบบสังเกต แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) เป็นต้น....การวัดและการประเมินผลสื่อการเรียนการสอนมีขั้นตอนการตรวจสอบที่พิถีพิถันเพื่อให้ได้สื่อที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง การตรวจสอบแบ่งได้ดังนี้..ขั้น 1 การตรวจสอบโครงสร้างภายในสื่อ (Structural basis)
....1. ลักษณะสื่อ....
1.1 ลักษณะเฉพาะตามประเภทของสื่อ
1.2 มาตรฐานการออกแบบ (Design Standards)
1.3 มาตรฐานทางเทคนิควิธี (Technical Standards)
1.4 มาตรฐานความงาม(Aesthetic standards)
....2. เนื้อหาสาระ......
ขั้น 2 การตรวจสอบคุณภาพสื่อ (Qualilative basis) โดยปกติจะดำเนินการโดยการทดลองใช้สื่อกับตัวแทนกลุ่มเป้าหมายในสภาพการณ์จริงปกติ ซึ่งแบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ
1) การทดสอบหนึ่งต่อหนึ่ง
2) การทดสอบกลุ่มเล็ก
3) การทดสอบกลุ่มใหญ่
อ้างอิง : กิดานันท์ มลิทอง. เทคโนโลยีการศึกษาและนวตกรรม.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาภรณ์มหาวิทยาลัย , 2540. พฤติพงษ์ เสกศิริรัตน์.การออกแบบสื่อการสอน.กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์,มปป.
3.การเรียนโปรแกรม PhotoShop
3.1
การเรียนโปรแกรม PhotoShop
การตัดภาพการตัดภาพ การนำเอาภาพขนาดใหญ่ มาใส่ในเว็บเพจ ไม่ใช่วิธีที่ดีของการนำเสนอ เพราะจะทำให้การโหลดภาพเสียเวลามาก วิธีที่ดีที่สุด คือ ควรตัดภาพเป็นชิ้นเล็ก แล้วนำภาพมาประกอบกันเป็นชิ้นอีกครั้ง ด้วยเทคนิคการประกอบภาพผ่านเอกสารเว็บ ดังนั้นเนื้อหานี้จะแนะนำการ
1.ตัดภาพ เป็นส่วนๆ ก่อน เพื่อเป็นแนวทาง และเป็นการเตรียมภาพขั้นต้น ไว้ก่อน
2.เตรียมภาพที่ต้องการ และเปิดไว้บนหน้าต่างการทำงานของ Adobe Photoshop ขยายหน้าต่างภาพ ให้เห็นพื้นที่ว่างรอบภาพ
3.เปิดแถบบรรทัด ด้วยคำสั่ง View, Show Rulers
4.เลือกเครื่องมือ Move Tool
5.นำเมาส์ไปชี้ในแถบไม้บรรทัด คลิกปุ่มเมาส์ค้างไว้ แล้วลากเมาส์ (กรณีที่ชี้ที่บรรทัดแนวนอน ก็ให้ลากเมาส์ลงมา และกรณีที่ชี้ในไม้บรรทัดแนวตั้ง ก็ให้ลากเมาส์ไปด้านขวา) จะปรากฏเส้นนำสายตา (Guide Line : มักเป็นสีน้ำเงิน)
6.เลื่อนเส้นนำสายตา ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมของภาพ แล้วปล่อยนิ้วจากเมาส์ เพื่อยืนยันตำแหน่ง
7.หากต้องการตำแหน่งอื่น ก็ทำขั้นตอนที่ 5 - 6 ซ้ำ จนได้ครบทุกตำแหน่ง
8.ถ้าต้องการปรับตำแหน่งของเส้นนำสายตา ที่วางไว้แล้ว ให้นำเมาส์ไปชี้ที่เส้นนั้นๆ จะพบว่า Mouse Pointer มีรูปร่างเป็นลูกศรสองหัว ให้กดปุ่มเมาส์ค้างไว้ แล้วปรับตำแหน่ง
9.ถ้าต้องการลบเส้นนำสายตาเส้นใด ให้นำเมาส์ลากเส้นนำสายตาเส้นที่ต้องการ ไปปล่อยในแถบไม้บรรทัด
10.หากต้องการลบเส้นนำสายตาทุกเส้น ให้เลือกคำสั่ง View, Clear Guides
11.ตรวจสอบว่าภาพมีการกำหนดเป็น Layer หรือไม่ หากเป็น Layer จะต้องทำการรวม Layer ก่อน ด้วยคำสั่ง Layer, Flatten Image
12.เปลี่ยนเครื่องมือเป็น Selection Tools ที่ต้องการ เช่น
ที่เลือก ไว้ใน Clipboard
15.เลือกคำสั่ง File, New เพื่อเปิดพื้นที่งานใหม่ โดยไม่ต้องตั้งค่าใดๆ ให้กดปุ่ม ได้เลย
16.เลือกคำสั่ง Edit, Paste เพื่อวางข้อมูลจาก Clipboard บนหน้าต่างที่เตรียมไว้
17.จัดเก็บงาน ด้วยไฟล์ฟอร์แมตที่ต้องการ
18.ทำขั้นตอนที่ 13 - 17 ซ้ำ กับภาพตำแหน่งอื่นเพียงเท่านี้ ท่านก็จะได้ชิ้นส่วนของภาพ เพื่อนำไปใช้ในเว็บได้ที่มา: http://www.nectec.or.th/courseware/graphics/photoshop/0027.html
พ่อจ้า...หนูรักพ่อคะ
คำว่า "พ่อ" ไม่เพียงแต่จะหมายถึงชายในฐานะผู้ให้กำเนิดแก่ลูก หรือเป็นคำที่ลูกเรียกผู้ให้กำเนิดตนเท่านั้น แต่คำ ๆ นี้ยังรวมถึงภาระความรับผิดชอบที่ผู้ชายคนหนึ่ง ๆ จะพึงมี ในฐานะหัวหน้าหรือผู้นำของครอบครัวอีกด้วย และแม้ว่า "แม่" จะเป็นผู้อุ้มท้อง และให้กำเนิดลูก แต่การที่ลูกจะเติบโตเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีมือของพ่อเป็นผู้ช่วยอุ้มชูดูแล และอบรมสั่งสอนให้ลูกเป็นคนที่สมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ และด้วยความตระหนักต่อบทบาทหน้าที่ของผู้ชายที่ได้ชื่อว่า พ่อ จึงมีการกำหนดให้มีวันพ่อแห่งชาติขึ้น เพื่อให้ลูก ๆ ได้ตระหนักถึงพระคุณและแสดงความกตัญญูกตเวทีในโอกาสวันพ่อแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ขอเชิญชวนลูก ๆ ทุกคน ได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อของเรา กราบพ่อ แล้วบอกรักท่าน กอดพ่อ ก่อนที่จะไม่มีพ่อให้กอด ก่อนที่จะเหลือเพียงแค่ความทรงจำ.....
เคยรู้สึกแบบนี้บ้างไหม ?
เคยรู้สึกไหม ที่อยากให้เขากลับมาอยู่ข้างกายเรา ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้
เคยไหม ที่ห่วงใครมาก ๆ จนไม่อยากให้ไปไหน
เคยไหม ที่ทำตัววุ่นวาย งี่เง่า จนทำให้เขารู้สึกรำคาญ
เคยไหม ก่อนที่จะทำอะไรลงไป จะต้องนึกถึงความรู้สึกเขาก่อน
เคยไหม ที่ขี้หึง หึงแม้กระทั่งรู้ว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น
เคยไหม ที่แค่เขาชมใคร ว่าสวย ว่าน่ารัก เราก้อเก็บมาคิดมากจนทะเลาะกัน
เคยไหม ที่อยากจะทำตัวให้ดูดี ให้น่ารัก เพื่อที่จะไม่ให้เขาไปสนใจใคร
เคยไหม ที่รู้สึกเป็นห่วงเขา แล้วคิดมากจนปวดหัว
เคยไหม ที่เวลาโทรหาเขา แล้วเขาไม่รับ มันทำให้เราแทบเป็นบ้า
เคยไหม ที่ทะเลาะกัน แล้วชอบปิดโทรศัพท์ ทั้ง ๆ ที่อยากคุยด้วยจะตาย
เคยไหม ที่อยากจะกอดเขาไว้ให้ได้นานเท่านาน ก่อนที่เขาจะจากไป
เคยไหม ที่อยากจะอยู่เคียงข้าง อยากปลอบโยนเขาเวลาที่เขาต้องทุกข์ใจ
เคยไหม ที่อยากให้เขาเข้าใจเราในทุก ๆ เรื่อง
เคยไหม ที่คิดน้อยใจเวลาที่เขาไม่สนใจ ไม่แคร์กัน
เคยไหม เวลาที่เรางอนแล้วอยากให้เขาง้อ
เคยไหม ที่อยากจะทำนู่น ทำนี่ให้เขารู้สึกดี อยากให้เขารู้ว่าเรารักเขามากแค่ไหน
เคยไหม ที่คิดไปไกล ว่าเราจะรักกันตลอดไปจนตายกันไปข้างนึง
เคยไหม ที่อยากนอนดูทีวี อยากจูงมือกันไปไหนต่อไหน...
เคยไหม ที่อยากให้เขาตะโกนบอกรักเราดัง ๆ ให้ทุกคนได้รับรู้กันไปเลย
เคยไหม ที่อยากจะเป็นคนรักที่ดีของเขา และให้เขาเป็นคนรักที่ดีเของเรา
เคยไหม เคยกลัวหรือเปล่า? กลัวว่าเขาจะไม่รัก
เคยไหม อยากให้เขาภูมิใจว่าฉันโชคดีที่สุดที่มีแฟนอย่างเธอ
ผู้ชายคนนั้นที่ฉันรัก...เขาจะเคยรู้สึกแบบนี้กับฉันบ้างไหม
เพราะสำหรับฉัน ทั้งหมดที่เขียนมา มันคือความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขา
และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรู้สึกนั้นก้อจะยังเหมือนเดิม...ตลอดไป "รักเธอ"
......วิธีบำรุงชีวิตคู่ให้สุขสันต์
วิธีบำรุงชีวิตคู่ให้สุขสันต์
- เลือกเวลาเหมาะๆ เพื่อใช้เป็นเวลาอันมีค่า สำหรับพูดคุยกับคนรัก เกี่ยวกับ ชีวิตคู่ของคุณทั้งสอง หมั่น แลกเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก และความต้องการของคุณ แต่เฉพาะในแง่ดีและสร้างสรรค์เท่านั้น เพราะยังไม่ถึงเวลา ที่จะมาต่อว่าหรือโต้เถียงกัน
- กล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึก ที่เป็นตัวตนจริงๆ ออกมา ไม่ว่าจะอยู่ใน อารมณ์แบบไหน : สนุกสนานเริงร่า เจ็บช้ำน้ำใจ เพ้อฝัน หรือแม้ แต่ เวลายินดี มีความสุข) โดยไม่ต้องคำนึงถึง เหตุผล ดีเลว และถูกผิด ใดๆทั้งสิ้น
- คิดจะพูด ก็ให้พูดเพื่อตัวคุณเอง โดยใช้คำเหล่านี้ "ฉันรู้สึกว่า" "ฉันอยากจะ.." "ฉันคิดว่า.." "ฉันชอบ.." แต่อย่าพูด แบบกลัวๆ กล้าๆ "คุณว่า…" หรือ "เขาพูดกันว่า…" มันทำให้คุณดูไม่มีความ มั่นใจในตัวเอง
- ค่อยพูดค่อยจากัน ด้วยภาษาดอกไม้ ให้ฟังแล้วรื่นหู "ฉันชอบจังค่ะ เวลาที่คุณช่วยฉันล้างจาน" พูดอย่างไรก็ได้ ให้คนฟังรู้สึกดีๆ และไม่เป็น การจุดชนวน สงครามน้ำลาย ขึ้นกลางวง
- ควรให้มีการ "ขอเวลานอก" ในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด รู้สึกอึดอัด หรือยังไม่พร้อมที่จะสนทนาในเรื่องนั้นๆ ต่อ ก็สามารถ "ขอเวลา นอก" ซึ่งอาจจะพักสักครู่หนึ่ง หรือไม่ก็เปลี่ยนหัวข้อ การสนทนาซ่ะ โดยไม่ต้องถามเหตุผลใดๆ ทั้งนั้น เพราะเราจะรู้ สึกสนุก กับการ เล่า ก็ต่อเมื่อ เราสามารถเลือกเรื่อง เลือกเวลา ที่เราอยากเล่าได้
- หัดฟังคนอื่นเขาบ้าง และต้องฟังอย่างตั้งใจด้วย ว่าที่เขาพูด หมายความว่าอย่างไร แล้วลองเช็คกลับไป ด้วยการพูดทวนว่า ที่คุณเข้าใจนั้น ถูกต้องตามที่เขาพูดไหม จำไว้ว่า "เมื่อไรที่ไม่แน่ ใจ ไม่เคลียร์ ให้ถามได้เลย! "
คลังบทความของบล็อก
▼
2007
(10)
▼
กันยายน
(10)
1. สื่อการสอน
1.3 ประเภทของสื่อการสอน
1.4 การออกแบบสื่อการสอน
1.2 ประโยชน์ของสื่อการสอน
ตัวอย่างภาพกราฟิก
4. การสร้าง blog
สื่อวัสดุสีไม้
การเรียนโปรแกรม photo shop
การเรียนโปรแกรม Power Point
.......การบันทึกงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น